เพชรสยาม สลางสิงห์ ตัวอย่างชีวิตสดใส ครอบครัวอบอุ่น นำไปสู่สังคมสงบสุข
หากนึกภาพผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นหัวหน้าครอบครัวที่น่ารัก เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง คงจะเป็นภาพพระเอกในละคร ที่เราคิดว่าไม่น่าจะมีอยู่ในชีวิตจริงๆ แต่คุณเพชรสยาม สลางสิงห์ เป็นคนที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนความคิดนี้ไปเลย
จากเด็กหนุ่มต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ผ่านชีวิตที่ถูกเพื่อนผู้เป็นหุ้นส่วนโกงจนไม่เหลืออะไร แต่ก็ยืนหยัดขึ้นมาได้ด้วยความเข้มแข็งในจิตใจและพลังจากครอบครัวอันเป็นที่รัก แต่ไม่นานจากนั้นมรสุมอีกลูกก็พัดเข้ามาทดสอบกำลังใจผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เมื่อคุณพ่อมาเสียชีวิตลงกระทันหัน ตรงนี้เองกลับทำให้พี่เพชรสยามเกิดความคิดถึงชีวิตว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยง จึงได้มีโอกาสเข้าวัด ฟังธรรมะและปฏิบัติสมาธิ
ใครจะรู้ว่าพี่เพชรสยามผู้มีรอยยิ้มติดใบหน้าเสมอนี้ เคยเป็นคนที่หงุดหงิดขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเอง ชอบใช้อำนาจมาก่อน แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้จากการสวดมนต์ นั่งสมาธิ งานก็ดีขึ้นเพราะสุขภาพจิตดี
แต่ชีวิตใช่ว่าจะราบเรียบเสมอไป เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ก็ทำให้ทั้งบ้านของพี่เพชรสยามและชุมชนได้รับความเสียหายไม่น้อย แต่น้ำท่วมหนักแค่ไหนก็ไม่สู้น้ำใจของคน เพราะหลังจากอุทกภัยผ่านพ้น ก็ได้มีกลุ่มจิตอาสา “จิตสำนึกรักชุมชน” เข้ามาช่วยทำความสะอาดชุมชนหลังน้ำลด และพี่เพชรสยามก็ได้นำวิธีการทำความสะอาด วิธีต่างๆมาใช้เป็นประจำในครอบครัวต่อจากนั้นมา เมื่อบ้านสะอาด เป็นระเบียบ ก็ส่งผลต่อจิตใจ เพราะความสะอาดเป็นพื้นฐานของใจที่สบาย ผ่องใส ไม่หงุดหงิด เป็นกิจวัตรข้อที่ 3 คือจัดเก็บห้องนอน ห้องน้ำให้สะอาดเป็นระเบียบ ยิ่งนำมาฝึกกับคนในบ้านก็ยิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี “ทำด้วยตัวเอง ทำสม่ำเสมอ บกพร่องอะไรให้แก้ไขที่ตัวเราก่อน” เป็นวิธีการแก้ไขนิสัยที่พี่เพชรสยามบอกกับเรา
เมื่อตนเองทำได้ดีแล้ว ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ การช่วยเหลืองานบ้านต่างๆของเด็กๆบ้านสลางสิงห์จึงมาด้วยความสมัครใจ ไม่ต้องพูดต้องบ่นกันเลย กับภรรยานั้น พี่เพชรสยามเล่าว่า มีบ้างที่ไม่เข้าใจกันแต่เมื่อวางจากภารกิจหน้าที่การงานแล้วก็จะต้องพูดคุยปรับความเข้าใจกัน ต่างคนต่างพูดบอกกัน แนะนำกันได้ เป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน
เมื่อครอบครัวอบอุ่นแล้ว เพื่อนบ้านเห็นความเปลี่ยนแปลง อยากจะนำไปทำที่บ้านบ้าง เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับชุมชน มีการรวมกลุ่มกันทำความดี ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน เกิดความคุ้นเคย เอื้ออาทรต่อกัน ทำให้ชุมชนเกิดความสงบสุข
และสุดท้ายพี่เพชรสยามได้ฝากไว้ว่า
“เรามีคนดีหนึ่งคน แต่ถ้าเราไปชวนคนเพิ่มขึ้นมา ก็จะทำให้สังคมนั้นเป็นสังคมที่มีแต่ความดีงาม ความดีนี้ก็จะพัฒนาจากตัวเรา พัฒนาไปสู่ครอบครัวของเรา มีความอบอุ่น ก็จะขยายออกไปสู่ชุมชน สังคมก็จะมีพลัง สามารถที่จะทำงานใหญ่ได้และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม”
